คุณครูและเพื่อนของฉัน

คุณครู ทิพย์วรรณ สุโธ (ครูกบ)

ครูกบ โรงเรียนเด็กชาย
krutippawan@yahoo.com

โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย
โทร 044-214557-8
Fax 044-214440
Website:http://rajsima.ac.th

http://rajsima.wordpress.com

http://krutip.wordpress.com

คุณครู ณัชชา ชาญเจริญ (ครูดาว)

natdao_h@hotmail.com

โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย
โทร 044-214557-8
Fax 044-214440


 

วันสำคัญของญี่ปุ่น

เพื่อนๆคงจะรู้จักหรือเคยได้ยินเกี่ยวกับวันสำคัญทางประเพณีและวันวันหยุดราชการต่างๆของทางประเทศญี่ปุ่นกันมาบ้างแล้ว คงจะไม่สงสัยหรือแปลกใจอะไรเพราะวันสำคัญที่เป็นวันหยุดราชการต่างๆของญี่ปุ่นนั้นไม่ค่อยต่างกับวันสำคัญของประเทศไทยมากนัก ที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดก็คือประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับสภาพดินฟ้าอากาศ ฤดูกาล และธรรมชาติค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้น วันสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้จะมีมาก

วันนี้จะขอพูดถึงวันที่ระลึกประหลาดๆของประเทศญี่ปุ่น(面白い記念日)เพื่อนๆหลายคนอาจจะได้ยินมาบ้างแล้ว ซึ่งวันที่ระลึกประหลาดๆเหล่านี้ได้รับการบัญญัติอย่างเป็นทางการจากสมาคมวันที่ระลึกแห่งประเทศญี่ปุ่น(日本記念日協会)แล้วด้วย ไม่พูดพร่ำทำเพลง มารู้จักกับวันเหล่านี้กันเลย

01. วันแห่งภาพยนตร์ (映画の日 : Eiga No Hi)

ตรงกับวันที่ 1 ของทุกๆเดือน
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนไปดูภาพยนตร์

02. วันแห่งการจราจรปลอดภัย (交通安全の日 : Koutsuu Anzen No Hi)

ตรงกับวันที่ 1 ของทุกๆเดือน
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนขับรถอย่างปลอดภัย ไม่ขับรถด้วยความเร็ว

03. วันแห่งข้าว (お米の日 : Okome No Hi)

ตรงกับวันที่ 8 และ 28 ของทุกๆเดือน
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : ระลึกถึงข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักของชาวญี่ปุ่น

04. วันแห่งความรัก ความปรารถนา และความกล้าหาญ (愛と希望と勇気の日: Ai To Kibou To Yuuki No Hi)

ตรงกับวันที่ 14 มกราคม ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : เมื่อ 14 มกราคม 1959 เป็นวันที่เฮลิคอปเตอร์ที่บินออกจากเรือสังเกตการณ์ขั้วโลกใต้ที่ชื่อ Souya (宗谷) ได้บินจอดถึงฐานทัพโชวะ และพบว่าสุนัขทหารที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ที่ฐานทัพเมื่อปีก่อนหน้าจำนวน 15 ตัว มีชีวิตรอเพียง 2 ตัว คือสุนัขชื่อ ทาโร่ และ จิโร่ (タロ・ジロ)

05. วันแห่งแกงกระหรี่ (カレーの日 : Curry No Hi)

ตรงกับวันที่ 22 มกราคม ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนทำและรับประทานแกงกะหรี่

06. วันแห่งการปวดหัว (頭痛の日 : Zutsuu No Hi)

ตรงกับวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ไม่ให้คนทำอะไรมากเกินไปจนปวดหัว

07. วันแห่งชาเขียว (抹茶の日 : Maccha No Hi)

ตรงกับวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนดื่มชาเขียวเพื่อสุขภาพ

08. วันแห่งนามสกุล (苗字の日 : Myouji No Hi)

ตรงกับวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : เป็นที่ระลึกสำหรับการเริ่มใช้นามสกุลเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ปีเมจิที่ 8

09. วันวาเลนไทน์ (バレンティンディー : Valentine’s Day) และ วันแห่งช็อกโกแล็ต (チョコレートの日 : Chocolate No Hi)

ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : เป็นวันที่สืบทอดมาจากต่างประเทศ ที่หนุ่มสาวจะให้ของขวัญแก่กันเพื่อแสดงความรัก สำหรับในญี่ปุ่น เป็นวันที่ผู้หญิงจะให้ช็อกโกแล็ตแก่ผู้ชายเพื่อแสดงความรัก ซึ่งแพร่หลายขึ้นมาจากการโฆษณาของบริษัทผลิตช็อกโกแล็ตของญี่ปุ่น สมาคมช็อกโกแล็ตและโกโก้ (チョコレート・ココア協会) จึงบัญญัติวันนี้ขึ้นมาเป็นวันแห่งช็อกโกแล็ตด้วย

10. วันแห่งแมว (猫の日 : Neko No Hi)

ตรงกับวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : เนื่องจากแมวที่ญี่ปุ่นร้องว่า ニャー、ニャー、ニャーขึ้นต้นด้วยคันจิที่เหมือนกับเลข 2 ด้วยกัน 3 อัน วางเรียงกันได้เป็น 222 ซึ่งแปลงเป็นวันที่ได้วันที่ 2/22

11. วันแห่งบันไดเลื่อน (エスカレータの日 : Escalator No Hi)

ตรงกับวันที่ 9 มีนาคม ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : เป็นวันแรกที่มีการใช้บันไดเลื่อนขึ้นที่ห้างมิตสึโกชิ (三越) สาขา นิฮงบาชิ (日本橋) ในวันที่ 9 มีนาคม ปีไทโช ที่ 3

12. วันสีขาว (ホワイトディー : White Day) และ วันแห่งลูกกวาด (キャンディの日 : Candy No Hi)

ตรงกับวันที่ 14 มีนาคม ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : เป็นวันที่มีคู่กับวันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นวันที่ผู้ชายให้ของตอบแทนแก่ผู้หญิงที่ให้ชอกโกแล็ตกับตนในวันวาเลนไทน์ โดยสิ่งของที่ให้จะต้องเป็นสีขาว ทางสมาคมลูกกวาดแห่งประเทศญี่ปุ่น (全国飴菓子工業協同組合) ต้องการรณรงค์ให้คนให้สิ่งของเป็นลูกกวาด จึงตั้งวันนี้เป็นวันแห่งลูกกวาด (キャンディの日)

13. วันแห่งซากุระ (さくらの日 : Sakura No Hi)

ตรงกับวันที่ 27 มีนาคม ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : สมาคมซากุระแห่งประเทศญี่ปุ่น (日本さくらの会) ตั้งวันนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับการบานของดอกซากุระ ที่โดยเฉลี่ยจะบานเต็มที่ในวันนี้มากที่สุด

14. วันแห่งกระเทย (オカマの日 :  Okama No Hi)

ตรงกับวันที่ 4 เมษายน ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : เป็นวันที่อยู่ระหว่างกลางของวันเทศกาลลูกท้อ (桃の節句 : Momo No Sekku) เป็นวันสำหรับเด็กผู้หญิง ซึ่งคือวันที่ 3 มีนาคม (3/3) และวันเทศกาลเด็กผู้ชาย (端午の節句 : Tango No Sekku) ซึ่งคือวันที่ 5 พฤษภาคม (5/5) จึงตั้งวันที่อยู่กึ่งกลางนั่นคือวันที่ 4 เมษายน (4/4) เป็นวันสำหรับคนครึ่งหญิงครึ่งชาย นั่นคือกระเทย (คำว่า Okama แปลว่า กระเทย)

15. วันแห่งเซนต์จอร์ดี้ (サン・ジョルディの日 : St.Jordi’s Day)

ตรงกับวันที่ 23 เมษายน ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : เป็นวันที่ผู้ชายให้ดอกกุหลาบแก่ผู้หญิง และผู้หญิงให้หนังสือเป็นของขวัญแก่ผู้ชาย ซึ่งเกิดขึ้นจากความเคลื่อนไหวของวงการสิ่งพิมพ์เมื่อปี 1987 โดยมีที่มาจากประเพณีของประเทศสเปน ในย่านบาร์เซโลน่า เพื่อต้องการชื่นชมนักรบเทพผู้ปกป้องเมืองชื่อ เซนต์ จอร์ดี้ ด้วยประเพณีที่ผู้ชายให้ดอกกุหลาบแก่ผู้หญิง และผู้หญิงให้ของแก่ผู้ชาย

16. วันแห่งขยะ (ゴミの日 : Gomi No Hi)

ตรงกับวันที่ 3 พฤษภาคม ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนทิ้งขยะโดยแยกชนิดของขยะอย่างถูกต้อง

17. วันแห่งนาโกย่า (名古屋の日 : Nagoya No Hi)

ตรงกับวันที่ 8 พฤษภาคม ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : ที่ทำการเมืองนาโกย่าตั้งวันนี้ขึ้นมาเมื่อปี เฮเซ ที่ 8 เป็นช่วงเทศกาลนาโกย่า (名古屋祭り)

18. วันแห่งการท่องเที่ยว (旅の日 : Tabi No Hi)

ตรงกับวันที่ 16 พฤษภาคม ของทุกปี

สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น

19. วันแห่งรูปถ่าย (写真の日 : Shashin No Hi)

ตรงกับวันที่ 1 มิถุนายน ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : สมาคมรูปถ่ายแห่งประเทศญี่ปุ่น (日本写真協会) ตั้งวันนี้ขึ้นมาเพื่อส่งเสริมการถ่ายรูป

20. วันแห่งนม (ミルクの日 : Milk No Hi)

ตรงกับวันที่ 9 มิถุนายน ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนดื่มนม

21. วันแห่งอุด้ง (うどんの日 : Udon No Hi)

ตรงกับวันที่ 2 กรกฏาคม ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนรับประทานอุด้ง

22. วันแห่งเรือเหาะตีลังกา (ジェットコースターの日 : Jet Coaster No Hi)

ตรงกับวันที่ 9 กรกฏาคม ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : เป็นวันแรกที่มีเรือเหาะตีลังกาติดตั้งในสวนสนุกที่ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 9 กรกฏาคม ปีโชวะที่ 30

23. วันแห่งแฮมเบอร์เกอร์ (ハンバーガーの日 : Hamberger No Hi)

ตรงกับวันที่ 20 กรกฏาคม ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : 20 กรกฏาคม ปีโชวะที่ 46 เป็นวันแรกที่มีร้าน แมคโดนัล เปิดขึ้นในญี่ปุ่น ที่ชั้นหนึ่งของห้างมิทสึโกชิ (三越)ในย่านกินซ่า

24. วันแห่งหมากรุกญี่ปุ่น (マージャンの日 : Majyan No Hi)

ตรงกับวันที่ 1 สิงหาคม ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนเล่นไพ่นกกระจอก (麻雀)

25. วันแห่งคนอ้วน (デブの日 : Debu No Hi)

ตรงกับวันที่ 8 สิงหาคม ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : เป็นวันที่ระลึกสำหรับคนอ้วน

26. วันแห่งเนื้อย่าง (焼肉の日 : Yakiniku No Hi)

ตรงกับวันที่ 29 สิงหาคม ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนทานเนื้อย่าง ตั้งโดยสมาคมเนื้อย่างแห่งประเทศญี่ปุ่น (全国焼肉協会)

27. วันแห่งผัก (野菜の日 : Yasai No Hi)

ตรงกับวันที่ 31 สิงหาคม ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนทานผัก

28. วันเกิดโดราเอม่อน (ドラえもんの誕生日 : Doraemon No Tanjyoubi)

ตรงกับวันที่ 3 กันยายน ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : เป็นวันแรกที่การ์ตูนเรื่องโดราเอม่อนถูกเขียนขึ้นมาเมื่อวันที่ 3 กันยายน ปีโชวะที่ 45

29. วันวาเลนไทน์เดือนกันยายน (セプテンバーバレンタイン:September Valentine’s Day)

ตรงกับวันที่ 14 กันยายน ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : วันครบครึ่งปีพอดีหลังจากวัน White Day (14 มีนาคม) ซึ่งหากผู้ชายถูกผู้หญิงที่ตนตกลงยอมรับความรักเลิกในวันนี้ ก็จะถือว่าไม่เป็นอะไร

30. วันแห่งเหล้าญี่ปุ่น (日本酒の日 : Nihonshu No Hi)

ตรงกับวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนดื่มเหล้าญี่ปุ่น

31. วันแห่งสุนัข (犬の日 : Inu No Hi)

ตรงกับวันที่ 1 พฤศจิกายน ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : ส่งเสริมให้คนรักและระลึกถึงสุนัข

32. วันแห่งอพาร์ตเม้นท์ (アパートの日 : Apartment No Hi)

ตรงกับวันที่ 6 พฤศจิกายน ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : 6 พฤศจิกายน ปีเมจิที่ 43 เป็นวันแรกที่มีอพาร์ตเม้นท์ตั้งขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ในย่านอุเอโนะ (上野) ในโตเกียว

33. วันป๊อกกี้และเพรทซ์ (ポッキー&プリッツの日 : Pocky&PRETZ No Hi)

ตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายน ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : กูลิโกะ บริษัทผลิต ป๊อกกี้และเพรทซ์ ตั้งวันป๊อกกี้และเพรทซ์ ขึ้นมาเมื่อ ปีเฮเซที่ 11 เดือน 11 วันที่ 11 หากนำวันและเดือนและปี มาเขียนเรียงติดกัน ก็จะได้เป็น 111111 ซึ่งเหมือนกับแท่งป๊อกกี้และเพรทซ์ 6 แท่ง ในโฆษณาของป๊อกกี้เอง ก็มีการโชว์แท่งป๊อกกี้ 4 แท่งในมือของพรีเซนเตอร์ด้วย (เพราะว่าปีเฮเซที่ 11 เลยมาแล้ว) จุดประสงค์ที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา คงไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากการส่งเสริมการขายป๊อกกี้ มีการจัดแคมเปญต่างๆเกี่ยวกับป๊อกกี้และเพรทซ์ในวันที่11/11 ของทุกๆปีด้วย

34. วันแห่งโรงแรม (ホテルの日 : Hotel No Hi)

ตรงกับวันที่ 20 พฤศจิกายน ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : 20 พฤศจิกายน ปีเมจิที่ 23 เป็นวันแรกที่ Teikoku Hotel (帝国ホテル) โรงแรมแห่งแรกในญี่ปุ่นเปิดให้ใช้บริการ

35. วันแห่งไก่ทอด (フライドチキンの日 : Fried Chicken No Hi)

ตรงกับวันที่ 21 พฤศจิกายน ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : 21 พฤศจิกายน ปีโชวะที่ 45 เป็นวันแรกที่มีร้านไก่ทอด เคนตักกี้ เปิดในญี่ปุ่น ที่นาโกย่า

36. วันแห่งโซบะ (そばの日 : Soba No Hi)

ตรงกับวันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปี
สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : เนื่องจากชาวญี่ปุ่นมีประเพณีการทานโซบะข้ามปี (年越しそば : Toshikoshi Soba) จึงบัญญัติวันนี้ขึ้นเป็นวันรณรงค์การทานโซบะ

Credit: Dek-d.com

รู้จัักประเทศญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น: 日本 Nihon/Nippon นิฮง/นิปปง ) มีชื่อทางการคือประเทศญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น: 日本国 Nihon-koku/Nippon-koku นิฮงโกะกุ/นิปปงโกะกุ ?) เป็นประเทศหมู่เกาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันตกติดกับคาบสมุทรเกาหลีและสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีทะเลญี่ปุ่นกั้น ส่วนทางทิศเหนือ ติดกับประเทศรัสเซีย มีทะเลโอค็อตสก์ เป็นเส้นแบ่งแดน ตัวอักษรคันจิของชื่อญี่ปุ่นแปลว่าถิ่นกำเนิดของดวงอาทิตย์ จึงทำให้บางครั้งถูกเรียกว่าดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัย

ญี่ปุ่นมีเนื้อที่กว่า 377,930 ตารางกิโลเมตร นับเป็นอันดับที่ 61 ของโลก หมู่เกาะญี่ปุ่นประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 3,000 เกาะ เกาะที่ใหญ่ที่สุดก็คือเกาะฮนชู ฮกไกโด คิวชู และ ชิโกกุ ตามลำดับ เกาะของญี่ปุ่นส่วนมากจะเป็นหมู่เกาะภูเขา ซึ่งในนั้นมีจำนวนหนึ่งเป็นภูเขาไฟ เช่นภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศ เป็นต้น ประชากรของญี่ปุ่นนั้นมีมากเป็นอันดับที่ 10 ของโลก คือประมาณ 128 ล้านคน เมืองหลวงของญี่ปุ่นคือกรุงโตเกียว ซึ่งถ้ารวมบริเวณปริมณฑลเข้าไปด้วยแล้วจะกลายเป็นเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีประชากรอยู่อาศัยมากกว่า 30 ล้านคน

สันนิษฐานว่ามนุษย์มาอาศัยในญี่ปุ่นครั้งแรกตั้งแต่ยุคหินเก่า การกล่าวถึงญี่ปุ่นครั้งแรกปรากฏขึ้นในบันทึกของราชสำนักจีนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1 ญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลจากจีนในหลายด้าน เช่นภาษา การปกครองและวัฒนธรรม แต่ในขณะเดียวกันก็มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง จึงทำให้ญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมที่โดดเด่นมาจนปัจจุบัน อีกหลายศตวรรษต่อมา ญี่ปุ่นก็รับเอาเทคโนโลยีตะวันตกและนำมาพัฒนาประเทศจนกลายเป็นประเทศที่ก้าวหน้าและมีอิทธิพลมากที่สุดในเอเชียตะวันออก หลังจากแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นก็มีการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองโดยการใช้รัฐธรรมนูญใหม่ใน พ.ศ. 2490

ญี่ปุ่นเป็นประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจ โดยมีจีดีพีสูงเป็นอันดับสองของโลก ญี่ปุ่นเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ จี 8 โออีซีดีและเอเปค และมีความตื่นตัวที่จะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาของต่างประเทศ ญี่ปุ่นมีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดี และยังเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี เครื่องจักร และหุ่นยนต์

ญี่ปุ่นจะมีอากาศที่ไม่อบอุ่น จะหนาวจัดและร้อนจัดเปลี่ยนไปตลอดปี ในญี่ปุ่นจึงไม่มีภูเขาที่เขียวสดด้วยหญ้า พืชพันธุ์และต้นไม้ส่วนใหญ่จะต้องแข็งแรงทนต่อความร้อนจัดและหนาวจัดได้ดี ใบก็ต้องมีสีค่อนข้างดำ หรือคล้ำ หญ้าพุ่มไม้เตี้ย ๆ และไม้ไผ่มีมากและต่าง ๆ กัน แต่ทุ่งหญ้าและป่าเล็ก ๆ มีน้อย โดยเหตุนี้การกสิกรรมจึงเป็นงานยากลำบากซึ่งกสิกรถูกบังคับให้คำรงชีวิตอยู่ด้วยการทำงานหนัก ขยันขันแข็ง และมานาอดทน

ประชากรญี่ปุ่นประมาณร้อยละ 87 อาศัยอยู่ในตัวเมืองใหญ่ ๆ ของประเทศ ในจำนวนนี้มี 58 เปอร์เซ็นต์ รวมกันอยู่อย่างหนาแน่นในเขตที่รวมมหานคร 4 แห่ง อันประกอบไปด้วยจังหวัด 11 จังหวัด ที่อยู่รอบ ๆ โตเกียว โอซากา นาโงย่า และคิตะกิวชิว เมืองใหญ่ ขนาดกลางเช่น ซับโปโร เชนโต และฮิโรชิมา ก็ดึงดูดประชากรได้ไม่น้อย และเป็นเวลานานพอสมควรที่ผู้คนหลั่งไหลเข้าไปอยู่ที่ในเมืองใหญ่ ๆ โยเฉพาะคนหนุ่มสาวพากันละทิ้งบ้าน หมู่บ้านของตน อพยพเข้ามาสู่นครเพื่อแสวงหางานที่ดีกว่าเก่า และเพื่อพบกับความรื่นรมย์ของชีวิตที่สนุกสนานกว่า อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้เอง การเคลื่อนไหวของประชากรมาสู่เมืองใหญ่กลับยุติลงจำนวนคนที่เข้าสู่เขตสำคัญ ๆ ลดจำนวนลง แทนที่จะไปอยู่เขตใจกลางมหานครเหล้านั้น กลับไปอยู่ตามบ้านเล็ก เมืองน้อยรอบ ๆ นครหลวง

ครอบครัวญี่ปุ่นปัจจุบันมักประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูก 1 หรือ 2 คน ถ้าเป็นในเมืองมักอยู่บ้านแบบสมัยใหม่ ญี่ปุ่นเป็นชาติที่มีจำนวนพลเมืองมาก ลูกที่แต่งงานแล้วมักแยกครอบครัวออกไป คู่สมรสส่วนมากต้องการมีบ้านเป็นของตนเอง ราคาบ้านแพงมากอีกหลายครอบครัวจึงต้องอยู่บ้านเช่าหรือบ้านพักของริษัทที่ตนทำงานด้วย

ปัจจุบันผู้หญิงญี่ปุ่นออกทำงานหาเลี้ยงชีพด้วย แต่พอแต่งงานหรือมีลูกก็จะออกจากงานมาทำงานบ้านเต็มตัว อายุเฉลี่ยของการแต่งงานมีครอบครัวของคนญี่ปุ่น คือ ชาย 28 ปี หญิง 23.5 ปี ภรรยาคือแม่บ้าน โดยทั่วไปครอบครัวญี่ปุ่นไม่มีสาวใช้ช่วยทำงาน ถ้าทั้งสามีและภรรยาทำงานนอกบ้าน ภรรยาก็มักต้องทำงานบ้านมากกว่าสามี แม้จะเป็นคู่สมรสหนุ่มสาวที่มีความคิดทันสมัย ต้องการแบ่งงานบ้านทำให้เท่า ๆ กันก็ตาม สังคมญี่ปุ่นจะไม่ส่งเสริมให้แม่ของลูกต้องทำงานนอกบ้าน สถานรับเลี้ยงเด็กก็มีน้อย

การจ่ายค่าจ้างในญี่ปุ่นมักจ่ายเป็นรายเดือน ภรรยาจะเป็นผู้ดูแลการเงินของครอบครัว และจ่ายเงินส่วนหนึ่งให้สามีไปทำงานทั้งสามีและภรรยามักมีเงินเก็บ ที่เฉพาะของตนไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้เพื่อความสะดวกในการใช้จ่ายส่วนตัว

นักธุรกิจมักทำงานจนมืดค่ำ หรือชักชวนกันดื่มกินหลังงานเลิกในวันธรรมดาพ่อบ้านจึงมักไม่ค่อยได้อยู่บ้านกินอาหารเย็นกับครอบครัว พ่อบ้านที่ถูกบริษัทส่งไปทำงานที่ต่างเมือง จะยิ่งมีโอกาสอยู่กับครอบครัวน้อยลง ครอบครัวจะไม่ย้ายตามไปบ่อย ๆ เพราะไม่เป็นผลดีแก่การศึกษาของลูก ถ้าต้องเปลี่ยนโรงเรียนอยู่เรื่อย ๆ สามีภรรยามักไม่ค่อยพูดคำว่ารัก หรือคำหวานต่อกันนัก เมื่อสามีออกจากบ้านไปทำงานหรือกลับจากทำงานเข้าบ้าน ภรรยามักโค้งให้ไม่ใช้ประเพณีจูบลาและจูบรับขวัญแบบฝรั่ง

ชาวญี่ปุ่นเมื่อพูดถึงสมาชิกในครอบครัว มักพูดถึงอย่างถ่อม ๆ เพราะถึงแม้ความจริงจะรู้สึกภาคภูมิใจในสมาชิกครอบครัวของตนแต่ก็ไม่อยากให้ใครมองเป็นว่าต้องการโอ้อวด

คนทำงานส่วนใหญ่จะเกษียณเมื่ออายุ 55 หรือ 60 ปี แม้จะได้เงินบำนาญ แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังหางานอื่นทำต่อ อาจทำเพื่อเงินหรือทำเพราะไม่รู้จะใช้เวลาว่างอย่างไรดี หลาย ๆ ครอบครัวต้องการให้ลูกชายคนโตอยู่กับตนตลอดไป จนแม้เมื่อแต่งงานแล้วนั้น เพราะลูกชายคนโตคือผู้สืบทอดตระกูลหรือผู้รับมรดก ถึงแม้ปู่ย่าตายายจะไม่ได้อยู่เป็นประจำกับลูกหลานของตน คู่สมรสก็จะให้เวลากับพ่อแม่ของตนอยู่มาก จะพยายามไปเยี่ยมไปเยียนอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง คือ ในเทศกาลโอบัง ในหน้าร้อน และตอนเทศกาลปีใหม่ แม้บ้านชาวญี่ปุ่นโดยทั่วไปจะเล็กเกินกว่าปู่ย่าตายายจะอยู่ร่วมด้วยได้ คู่สมรสก็มักต้องได้อยู่ใกล้ ๆ พ่อแม่ของตน

สวัสดีครับเพื่อนๆชาวศิลป์ ญี่ปุ่oผมสร้างเว็ปนี้มาเพื่อให้เพื่อนๆศิลป์ญี่ปุ่นได้แสดงผลงานต่างๆในห้องของเรานะครับ

ลงชื่อ webmaster ณฐภพ ณ นครพนม

มารู้จักกับแนวแฟชั่นญี่ปุ่นกัน

1 08 2010

แฟชั่นวัยรุ่นสไตล์ญี่ปุ่นตอนนี้ที่มาแรงสุดๆ ก็คงจะเป็น เสื้อผ้าประเภท Gothic & Lolita และ Punk เรามาเริ่มรู้จักกันเลยดีกว่าว่าแต่ละสไตล์เป็นอย่างไร…

Gothic (โกธิค)
แฟชั่นแนวนี้ส่วนมากจะเน้นไปในเรื่องของโทนสีที่ดูครึมๆ ลึกลับๆ ซึ่งเป็นแฟชั่นแบบ “Dark Style” มักจะเป็นสีดำซะส่วนใหญ่ แต่ก็อาจจะมีส่วนประกอบเป็นสีขาว หรือสีแดง ตามแต่สไตล์ของแต่ละคน
ที่มาของแฟชั่นแนวนี้มาจากทางยุโรปเหนือและแถบอังกฤษค่ะ ซึ่งต้นกำเนิดอยู่ที่ชาวพื้นเมือง เรียกว่า “ชาวโกธิค” ซึ่งเราจะเห็นแฟชั่นสไตล์นี้ในหนังผี เช่น พวกท่านเคาน์, แวมไพร์ หรือพวกแม่มดในเทพนิยายที่ดูเรียบแต่หรูนั่นเอง หรือถ้าใครเคยอ่านหนังสือการ์ตูนเรื่อง “หนุ่มหล่อเฟี้ยว แปลงโฉมสาว” (Yamatonadeshiko) ก็จะเห็นการแต่งการสไตล์ Gothic ในเรื่องด้วยนะคะ

Lolita หรือ Lolita Baby (โลลิต้า)
ส่วนมากแฟชั่นแนวนี้จะเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นสาวๆ มากกว่า เพราะจะออกแนวหวานแหว๋วเหมือนตุ๊กตาน่ารักนะคะ เสื้อผ้าในแนวนี้จะเน้นไปทางลูกไม้ ระบาย และสีผ้าที่ดูหวานๆ เช่น สีชมพู สีขาว ซะส่วนใหญ่
แฟชั่นแบบ Lolita คือการนำเอาแบบชุดของตุ๊กตาของเด็กผู้หญิงและชุดของเชื้อพระวงศ์ (พวกเจ้าหญิงน่ะคะ)นำมาประยุกต์ใช้กันให้เหมือนเจ้าหญิงน้อยๆในเทพนิยาย
แฟชั่นแนวนี้เป็นที่นิยมมากในผู้ดีสมัยก่อนในแถบยุโรป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และได้แพร่หลายไปในอีกหลายประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่น

Neo Lolita (นีโอโลลิต้า)

Neo Lolita เป็นการนำสไตล์ Lolita มาประยุกต์ให้เป็นแบบที่ทันสมัย แต่ยังคงความคลาสสิกเอาไว้ เป็นแฟชั่นที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่นโดยเฉพาะสาวๆ เพราะโทนสีจะหวานๆ นอกจากนั้นยังใช้ผ้าลายสก็อตมาตกแต่งอีกด้วย

Gothic & Lolita
แฟชั่นสไตล์ Gothic & Lolita คือ การนำเอาแฟชั่นแนว Gothic และ Lolita มารวมกัน โดยนำเอาความลึกลับของแนว Gothic และความหวานที่เป็นเอกลักษณ์ของแนว Lolita มาผสมผสานกันทำให้เกิดเป็นแนวใหม่ คือ Gothic & Lolita ที่เห็นเด่นชัดที่สุดคงจะเป็นเสื้อผ้าของ Mana วง Malice Mizer

 

 

 

Punk หรือ UK.Punk (พังค์)
แฟชั่นสไตล์ Punk เริ่มตั้งแต่ยุคปลายของปี’60 และถิ่นกำเนิดของแฟชั่นแนวนี้คือประเทศอังกฤษ สมัยนั้นจะเริ่มในกลุ่มเล็กในยุคที่มีการปฏิวัติและเหตุจลาจลกลางเมือง ซึ่งแนวนี้จะออกแนวรุนแรง เช่น มีการเจาะตามร่างกาย การเพ้นท์หรือสัก
แฟชั่นแนวนี้จะเน้นโทนสีดำเป็นหลัก นิยมทั้งผู้หญิงและผู้ชาย นิยมแต่งหน้าและเขียนตากับปากด้วยสีดำ โดยจะมีส่วนประกอบของผ้าที่เป็นตาข่าย และเศษผ้าลุ่ยๆ ส่วนเครื่องประดับส่วนใหญ่จะเป็นเข็มขัด โซ่และหมุดเหล็ก (ดูแล้วก็เท่ดี….อืม..ชมพู่จัง!~) โดยจะเห็นได้จากวงร็อกของอเมริกานั่นเอง
 

 

JAP’Punk (เจแปนพังค์)
เป็นพังค์ที่ประยุกต์ให้เข้ากับสไตล์ของญี่ปุ่น ต้นแบบมาจาก UK.Punk และการ์ตูนเรื่อง NANA ของ Ai Yazawa พังค์ในแบบญี่ปุ่นบางทีก็จะอาศัยประยุกต์ระหว่างผ้าลายญี่ปุ่นมาบวกกับการออกแบบในแนวพังค์

Credit:Dek-d.com

 

แจ้งข่าวล่าจากครูกบ !! เตรียมสอบญี่ปุ่น ญ30261

31 07 2010

   ตรียมสอบวิชาภาษาญี่ปุ่น ญ30261 รวม 60 คะแนน

สอบวันที่  5  สิงหาคม  2553  เวลา 15.00  น. เป็นกำลังใจให้นักเรียนทุกคน
 

เคล็ดลับในการเตรียมตัว คือ อ่านและเขียน ทำความเข้าใจเนื้อหา  ทบทวนคำศัพท์ที่เรียน  สมุดจดงานอย่าลืมนำมาทบทวน สำหรับตัวอักษรฮิรางานะ ครูว่า ต้องเขียนให้ได้แม่นยำที่สุด 

“ ความพยายามนำมาซึ่งความสำเร็จ    ครูมีรางวัลสำหรับนักเรียนที่ทำคะแนนได้เป็นลำดับ 1-3 “ 

ขออวยพรให้นักเรียนสามารถทำข้อสอบได้ในทุกรายวิชาค่ะ 

日本語のしけんに ごうかくできますように ขอให้สอบภาษาญี่ปุ่นผ่าน 

ตอนที่ 1 ปรนัย

จำนวน  20 ข้อ

20    คะแนน

ประเทศญี่ปุ่น (ฉบับย่อ)
 

พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 378,000 ตารางกิโลเมตร 

ประชากร 127 ล้านคนเมืองหลวง โตเกียว มีประชากร 12 ล้านคน 

ภาษาประจำ ชาติ ภาษา ญี่ปุ่น 日本語 ศาสนาชินโตและ พุทธมหายาน 

สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ (akihito) อ่านต่อ…
 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้องตัวอักษรฮิรางานะ 

คำศัพท์พื้นฐาน ประจำวรรค 

วันทั้งเจ็ด ตัวเลข 

ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น(tanabata) 

ตำนานและเพลง 

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น 

(โดยสังเขป) 

คนสำคัญที่ควรรู้จักในประเทศญี่ปุ่น 

ตอนที่ 2-4

อัตนัย

40 คะแนน

 
 

นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ยูกิโอะ ฮาโตยามะ
 

Hatoyama Yukio, 鳩山由紀夫?) (เกิด 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490) นายกรัฐมนตรีของประเทศญี่ปุ่น และหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น 

ภูเขาฟูจิ (ญี่ปุ่น: 富士山 Fuji-san ฟุจิซัง ?) เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ราว 3,776 เมตร    อ่านต่อ…. 

ตอน 2 จับคู่ ตัวอักษรฮิรางานะ  กับโรมะจิ 

ตอน  3 คำศัพท์ส่วนต่างๆ ของร่างกาย 

ภาพส่วนต่างๆของร่างกายเตรียมสอบ
 

คำศัพท์ประจำวรรค(あ、か) 

จำนวน  10 คำ  

あし (ขา)、 いす(เก้าอี้)、うし(วัว)、  

えき(สถานีรถไฟ)、 おかし (ขนม), 

かさ (ร่ม)、きく (ดอกเบญจมาศ)、 

くし (หวี)、け  (ผม ขน)、 こども (เด็ก) 

พร้อมความหมาย
 

คำศัพท์เกี่ยวกับตัวเลข ( 1-10) 

ตอนที่ 4 เขียนตัวอักษรฮิรางานะ 46 ตัว 

ขอให้เพื่อนๆโชคดีนะครับ อ่านหนังสือเตีรยมสอบดีๆล่ะ สู้ๆ 

ความเห็น : Leave a Comment »

หมวดหมู่ : ข่าวใหม่


ร้าน 100 เยน ร้านที่คุณพลาดไม่ได้

31 07 2010

 

วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จัก ร้าน 100 เยน กันนะครับ ร้าน 100 เยน นั้น รวมภาษีแล้ว จะอยู่ที่ 105 เยน ต่อชิ้น โดยปกติแล้วของทุกอย่างในร้าน จะตั้งราคาเดียวกันหมด แต่ว่าจะมีของบางอย่าง ราคาแพงกว่า วางขายเช่นกัน โดยมากแล้ว ของที่แพงกว่า จะราคาอยู่ที่ 300 เยน ถึง 500 เยน  อย่างเช่น กระเป๋า หรือว่า เสื้อผ้า ร้าน 100 เยนเป็นที่ขึ้นชื่อมาก ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน เราสามารถพบเห็นร้านเหล่านี้ได้ทั่วไป โดยมากแล้ว สินค้าที่หาได้ในชิวิตประจำวัน นั้นเราสามารถ หาได้ที่ร้านนี้แทบทุกอย่าง ตั่งแต่ของใช้ ยัน ของกิน โดยเฉพาะ นักเรียนต่างชาตินั้น แทบทุกคน จำเป็นต้องพึ่งร้านนี้กันเป็นอย่างมาก นักเรียนไทยเราที่ไปที่ญี่ปุ่นนั้น ทุกคน จะซื้อข้าวของแทบทุกอย่าง จากร้านนี้ 


 

สำหรับคนไทย ร้าน 100 เยน ของญี่ปุ่น ก็ได้เข้ามาตั้งสาขาที่ประเทศไทยเช่นกัน แต่ราคานั้น เริ่มต้นอยู่ที่  60 บาท ซึ่งถือว่า แพง ไม่ใช่น้อย   ใครมีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่น คงจะพอสัมผัสได้ถึงความสำคัญของร้านประเภทนี้ กันนะครับ 

Credit: Dek-d.com

ความเห็น : Leave a Comment »

หมวดหมู่ : วัฒนธรรมญี่ปุ่นน่ารู้!


วิธีทานปลาดิบอย่างปลอดภัย

31 07 2010

วิธีทานปลาดิบอย่างปลอดภัย ปัจจุบันคนไทยนิยมรับประทานปลาดิบกันมากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่ได้รับอิทธิพลของอาหารญี่ปุ่น ด้วยรสชาติ และ หน้าตาของอาหารที่ดูสะดุดตาชวนให้น่ารับประทาน ทำให้แทบจะไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าไม่เคยลิ้มลองอาหารจำพวก ข้าวปั้นซูชิ ซาซิมิ ที่มีปลาดิบเป็นส่วนประกอบ ปลาดิบ มี 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ ปลาดิบน้ำจืด และ ปลาดิบน้ำเค็ม (ปลาดิบทะเล) ซึ่งปลาดิบทั้ง 2 ชนิด มีเชื้อโรคที่แอบแฝงมาแตกต่างกัน ปลาดิบน้ำจืด อาจพบพยาธิบางชนิดแอบแฝงมา เช่น พยาธิตัวจี๊ด พยาธิใบไม้ในตับ พยาธิใบไม้ลำไส้ ฯลฯ คนส่วนมากมักคิดว่า ปลาน้ำเค็มนั้นไม่มีพยาธิ แต่ในความจริงในปลาน้ำเค็มนั้นอาจพบ ตัวอ่อนของพยาธิอะนิซาคิส (Anisakis simplex)ได้ แต่โชคดีที่การพบพยาธิในปลาน้ำเค็มนั้นพบน้อยกว่าในปลาน้ำจืดมาก และ พยาธิในปลาดิบน้ำเค็มก็มีความรุนแรงน้อยกว่าด้วย นอกจากนี้ปลาดิบที่นำมาประกอบอาหารญี่ปุ่นมักจะทำจากปลาน้ำเค็ม อย่างไรก็ตามอย่าพึ่งชะล่าใจว่ากินปลาดิบน้ำเค็มจะปลอดภัย 100% พยาธิอะนิสซาคิส ถึงแม้ไม่พบบ่อย ไม่ถึง 10 รายต่อปี ในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ก็ก่อความรุนแรงได้มาก 


มารู้จักพยาธิอะนิซาคิสกันเถอะ
พยาธิอะนิซาคิส (Anisakis simplex) เป็นพยาธิที่พบในปลาทะเลเขตอบอุ่น และ เขตร้อน ในประเทศไทยตรวจพบ ตัวอ่อนของพยาธิชนิดนี้ในปลามากกว่า 20 ชนิด เช่น ปลาดาบเงิน ปลาตาหวาน ปลาสีกุน ปลาทูแขก ปลากุแรกล้วย ปลาลัง เป็นต้น ส่วนในต่างประเทศจะพบในปลาจำพวก ปลาคอด ปลาแซลมอน ปลาเฮอริ่ง ระยะตัวอ่อนที่ติดต่อสู่คนจะอยู่ในอวัยวะภายในช่องท้องของปลาทะเล มองเห็นด้วยตาเปล่าได้ ขนาดยาวประมาณ 1-2 ซม. กว้างประมาณ 0.3-0.5 มม. บริเวณปากจะมีหนามขนาดเล็ก บริเวณปลายหางจะมีส่วนแหลมยื่นออกมา พยาธิชนิดนี้จะใช้หนามขนาดเล็ก และใช้ปลายหางแหลมในการไชผ่านเนื้อเยื่อต่างๆ 

อาการผิดปกติซึ่งเกิดจากพยาธิอะนิซาคิส
เนื่องจากพยาธิชนิดนี้ขณะเป็นตัวอ่อนระยะติดต่อสู่มนุษย์ บริเวณปากของพยาธิจะมีหนามขนาดเล็กและปลายหางแหลม ขณะเคลื่อนที่ไชในกระเพาะอาหาร และ ลำไส้ของคน ทำให้เกิดแผลขนาดเล็ก และ อาจทำให้มีเลือดออกในกระเพาะอาหารได้ ส่งผลให้ผู้ที่มีพยาธิชนิดนี้ในกระเพาะอาหารและลำไส้ มีอาการ ปวดท้อง แน่นท้อง คลื่นไส้ ท้องอืด อาการมักไม่เฉพาะเจาะจงคล้ายกับอาการของโรคกระเพาะอาหาร บางรายอาจมีอาการท้องเสีย หรือ ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดถ้ามีแผลในกระเพาะขนาดใหญ่ อาการมักจะเริ่มเกิดหลังรับประทานอาหารที่มีพยาธิชนิดนี้ เป็นชั่วโมง หรือ เป็นวันก็ได้ 

นปลาดิบอย่างไร ไม่ให้เป็นพยาธิ
ก่อนอื่นควรต้องแน่ใจว่า ปลาดิบที่นำมาทำอาหารนั้นเป็นปลาทะเล เพราะ บางครั้งผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์นำปลาน้ำจืดหลายชนิดมาทำอาหาร ทำให้เกิดโรคพยาธิตัวจี๊ด พยาธิใบไม้ในตับ หรือ พยาธิใบไม้ลำไส้ซึ่งมีความรุนแรงมากกว่า
การแช่แข็งที่อุณหภูมิต่ำกว่า -35 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 15 ชั่วโมง หรือ ต่ำกว่า -20 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 7 วัน หรือ ผ่านความร้อนมากกว่า 60 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 5 นาที ก่อนการประกอบอาหารจะทำให้พยาธิชนิดนี้ตายได้
นอกจากพยาธิบางชนิดที่พบในปลาดิบ แล้วยังพบแบคทีเรียบางชนิด และ ไวรัสตับอักเสบเอ
ได้ด้วย โดยขึ้นกับสุขอนามัย และ ความสะอาดของขั้นตอนการเตรียมอาหาร ดังนั้นถ้าคิดจะรับประทานปลาดิบ ควรดูให้แน่ใจก่อนว่าขั้นตอนการประกอบอาหารสะอาดถูกหลักอนามัย เพื่อให้เกิดความมั่นใจ และ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อจากปลาดิบ 

 

Credit : Dek-d.com 
ความเห็น : 1 ความคิดเห็น »

หมวดหมู่ : วัฒนธรรมญี่ปุ่นน่ารู้!


วากาชิ (Wagashi) ขนมหวานญี่ปุ่น

30 07 2010

 

ขนมหวานญี่ปุ่นเรียกรวมกันว่า “วากาชิ” (Wagashi) มีมานานตั้งแต่สมัยนะระหรือประมาณ 1,300 ปีมาแล้ว แต่เฟื่องฟูสุดๆในช่วงเอโดะ (ปี ค.ศ. 1603-1867) โดยเฉพาะในเมืองเกียวโตและโตเกียว แต่ละร้านแข่งกันขายแข่งกันคิดขนมใหม่ๆจนกลายเป็นต้นตำรับของขนมญี่ปุ่น 

  

ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นขนมหวานประจำชาติ แต่ชาวญี่ปุ่นก็ไม่ได้กินวากาชิกันบ่อยๆ ประเภทกินตบท้ายมื้ออาหารแบบบ้านเรานั้นไม่มี เพราะเขานิยมกินผลไม้กันมากกว่า ส่วนวากาชินี้จะกินเป็นของว่างและในโอกาสพิเศษเมื่อมีพิธีการต่างๆเช่น พิธีแต่งงาน หรือพิธีชงชา 

แรงบันดาลใจของพ่อครัวแม่ครัวในการสร้างสรรค์ขนมวากาชินั้นก็ได้มาจากธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล เช่น ฤดูใบไม้ร่วงจะทำขนมคิคุโกะโระโมะรูปดอกเบญจมาศ ส่วนฤดูหนาวก็ทำยูคิโมจิ หรือโมจิหิมะ เป็นต้น 

มาถึงการแบ่งประเภทของวากาชิกันบ้าง ซึ่งก็ไม่ได้แบ่งเป็นหมวดหมู่ชัดเจนเพราะขนมแต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ถ้าแยกตามวัตถุดิบและวิธีทำก็พอจะแบ่งแบบกว้างๆได้ตามนี้ 

โจ นะมะกะชิ (Jyo-Namagashi) 

ขนมญี่ปุ่นส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ เป็นแป้งห่อไส้ถั่วแดงบดหรือ ”อัน” (An) แป้งที่นำมาห่อหุ้มมีทั้งแป้งท้าวยายม่อม แป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า ปั้นเป็นรูปทรงต่างๆทั้งดอกไม้ ผลไม้ พระจันทร์ ซึ่งจะออกแบบให้เข้ากับฤดูกาล ทั้งชื่อขนม ส่วนผสม รูปทรงและสีสัน เป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้ผู้คนได้รู้ว่าฤดูกาลใหม่กำลังจะมาเยือน ตัวอย่างเช่น ซากุระโมจิ (โมจิสีชมพูห่อด้วยใบซากุระ) ซึ่งจะออกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ 


 

  

เซมเบ้ (Sembei) 

 

เป็นข้าวเกรียบสีน้ำตาล เคี้ยวกรุบกรอบ มีหลากรูปร่างหลายขนาด (ใหญ่ที่สุดที่เคยเห็นก็ขนาดเท่าแผ่นเสียง) แต่แบบยอดฮิตคือทรงกลมแบนเหมือนที่รองแก้ว ทำจากข้าวเหนียวนำมาปิ้ง แต่งรสด้วยโชยุและเกลือเป็นหลัก ราดหน้าด้วยงา สาหร่าย พริก เพิ่มกลิ่น เพิ่มรสให้อร่อยกันได้หลายแบบ นอกจากนี้ยังมีเซมเบ้แบบหวานหรือซาราเมะ เซมเบ้ (Sarame Sembei) ทำจากแป้งสาลี น้ำตาลและกลูโคส 


 

โยคัง (Yokan) 

 

ใช้ส่วนผสมหลักคือวุ้นที่ได้จากสาหร่าย เรียกว่า คันเตน (Kanten) แบ่งได้ 2 แบบใหญ่ๆ คือ มิซุ โยคัง เป็นวุ้นใสๆแช่เย็น กินในฤดร้อนผสมผลไม้ลงไป ได้รสหวานเย็น หอมชื่นใจ อีกชนิดคือ มุชิ โยคัง เป็นวุ้นขุ่นๆ เนื้อนิ่มเหนียว ตัดเป็นชิ้นเหลี่ยมพอคำ ทำจากถั่ว เกาลัด หรือมันที่บดละเอียด แป้งสาลี น้ำตาล และคันเตน 

มันจู (Manjyu) 

เป็นขนมกลมๆแป้งด้านนอกที่ห่อทำจากแป้งมันเทศ (บางครั้งใช้แป้งโซบะ) ไส้เป็นถั่วบดและมีมันเทศหรือเกาลัดอยู่ตรงกลางไส้อีกที นำไปนึ่ง อบหรือย่าง จึงได้ขนมอร่อยโดยเฉพาะขนมโมมิจิมันจูที่เมืองมิยาจิมาโดดเด่นที่ห่อด้วยใบเมเปิล มีหลายไส้ทั้งถั่วแดงบด คัสตาร์ด ช็อคโกแลต ถือเป็นของเนของดังที่ไม่ว่าใครไปเยือนก็ต้องลองชิม 

ดังโกะ (Dango) 

 

มีเป็นสิบสูตร แต่ที่หน้าตาเหมือนลูกชิ้นเสียบไม้ที่เราเคยเห็นกันเรียกว่า คุชิ ดังโกะ ทำจากแป้งโมจิ บางครั้งก็ผสมเต้าหู้ลงไปในแป้งด้วย ปั้นเป็นลูกกลม เสียบไม้แล้วนำไปปิ้ง ได้ลูกชิ้นแป้งนุ่มๆเหนียวๆราดซอสโชยุ ซอสเต้าเจี้ยว หรือเกาลัดบด หรือจะโรยด้วยถั่วบดกับน้ำตาลทรายแดงก็เข้าท่า 

ไดฟุกุ (Daifuku) 

 


 

คนไทยเราชอบเรียกว่าโมจิไส้ถั่วแดง แต่จริงๆเขาเรียกขนมประเภทนี้ว่าไดฟุกุ แป้งด้านนอกทำจากแป้งข้าวเหนียวนึ่งที่นำมาตีจนเหนียว (โมจิ) มีสีขาว เขียวและชมพู ส่วนไส้ก็เป็นถั่วแดง ที่พิเศษก็จะใส่ผลไม้ลงไป เช่น อิจิโกะ ไดฟุกุ (Ichigo Daifuku) เป็นโมจิไส้ลูกสตรอร์เบอร์รี่หอมหวาน อร่อยจับใจ นอกจากนั้นยังมีไส้เมลอนบดและไอศกรีมรสต่างๆด้วย 

Credit: Dek-d.com 
ความเห็น : Leave a Comment »

หมวดหมู่ : วัฒนธรรมญี่ปุ่นน่ารู้!


รู้จักบ่อน้ำร้อน หรือ องเซน

30 07 2010

 

การอาบน้ำแบบญี่ปุ่นที่มีเปิดบริการกันทั่วไปนั้น เป็นห้องอาบน้ำที่มีการแยกอาบ ชาย-หญิง ต้องเสียเงินค่าอาบด้วย อุณหภูมิของน้ำนั้น ประมาณ 41-42 องศาเซลเซียส 

การอาบน้ำแบบญี่ปุ่น เป็นประโยชน์กับคนอาบอย่างมาก เพราะแช่น้ำอุ่นนานๆ จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้เลือดลมเดินสะดวก ทำให้ไขมันละลาย เมื่ออาบน้ำเสร็จตัวจะเบา คนที่เจ็บป่วยเล็กน้อย เช่น เจ็บคอเป็นหวัด ก็จะค่อยๆ หายไป ร่างกายแข็งแรงขึ้น 

นอกจากคนญี่ปุ่นนิยมการอาบน้ำร้อนแล้ว คนญี่ปุ่นยังนิยมอาบน้ำที่บ่อน้ำร้อนกันมาก เพราะเชื่อกันว่า น้ำร้อนนั้นมีแร่ธาตุซึ่งจะทำให้สุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง 

การน้ำแร่นั้น ต้องอาบทำความสะอาดร่างกายก่อนที่จะลงไปแช่น้ำร้อนอย่านำผ้าเช็ดตัวลงไปแช่ในน้ำ เพราะจะทำให้น้ำสกปรก 

และ เมื่อคุณได้รับเชิญให้ไปอาบน้ำบ้านเพื่อนคนญี่ปุ่น หรือคนรู้จัก หลังจากที่คุณอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็อย่าเพิ่งถอดปลั๊กไฟออก เพราะยังมีสมาชิกอื่นๆในบ้าน จะอาบต่อจากท่านอีก เป็นการประหยัดน้ำร้อน 

Credit: Dek-d.com 


ความเห็น : Leave a Comment »

หมวดหมู่ : วัฒนธรรมญี่ปุ่นน่ารู้!


แนะนำคุณครูของฉัน

30 07 2010

 

คุณครู ทิพย์วรรณ สุโธ (ครูกบ) 

ครูกบ โรงเรียนเด็กชาย
krutippawan@yahoo.com 

โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย
โทร 044-214557-8
Fax 044-214440
Website:http://rajsima.ac.th 

http://rajsima.wordpress.com 

http://krutip.wordpress.com 

สพท.นม.1